กระชายมหิดล: อาหารเสริมบำรุงสมอง ลูกกิน ยิ่งฉลาด เชื่อว่า การเสริมสร้างพัฒนาการให้กับลูกน้อยในแต่ละช่วงวัย เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ ซึ่งนอกจากการดูแลเรื่องโภชนาการเพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์แล้ว การบำรุงด้วยอาหารเสริมบำรุงสมอง และจัดกิจกรรมเสริมพัฒนาการ ก็เป็นแนวทางหนึ่งในการเลี้ยงดูลูกน้อยที่พ่อแม่และผู้ปกครองสามารถทำร่วมกันได้ อาหารเสริมบำรุงสมองและกิจกรรมเสริมพัฒนาการเด็กมีอะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบค่ะ
อาหารหลายชนิด ถือเป็นอาหารเสริมบำรุงสมองที่ดีสำหรับเด็ก เนื่องจากมีสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองของลูกน้อย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความฉลาดและความจำ เช่น
1. เนื้อสัตว์ มีแร่ธาตุสำคัญอย่าง ได้แก่ สังกะสีและธาตุเหล็ก โดยสังกะสีมีช่วยควบคุมการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาท ที่ส่งผลต่อระบบความจำ ส่วนธาตุเหล็กมีหน้าที่ช่วยลำเลียงออกซิเจนไปยังสมอง ที่มีผลต่อกระบวนการคิดและสมาธิ นอกจากนั้นในเนื้อปลา ยังมีเนื้อปลาที่อุดมไปด้วย DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิดหนึ่งที่มีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการสมองและสุขภาพหัวใจ
2. ไข่ อุดมไปด้วยโคลีน ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างเส้นประสาทและเซลล์สมองเกี่ยวกับความจำและการสื่อสาร
3. ผักใบเขียว เช่น ผักโขมและคะน้า เป็นต้น อุดมไปด้วยโฟเลตและวิตามิน โดยเฉพาะผักใบเขียวเช่น ผักโขม และ คะน้า ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเซลล์สมองด้วย
4. ผลิตภัณฑ์นม เป็นอาหารเสริมบำรุงสมองที่เด็ก ๆ ทุกคนควรได้รับ เช่น นม ชีส และโยเกิร์ตเพราะอุดมไปด้วยแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้ แคลเซียมยังมีบทบาทสำคัญต่อระบบสัญญาณไฟฟ้าในสมองอีกด้วย อาหารเสริมประเภทนี้ พบใด้มากในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งมีจำหน่ายอยู่ทั่วไป และหาซื้อได้ง่าย
5. ถั่วและเมล็ดพืช เป็นแหล่งโปรตีนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย สารอาหารที่มีความสำคัญต่อการทำงานของสมองหรือช่วยเสริมสร้างและบำรุงสมอง เช่น วิตามินอี วิตามินบีรวม ธาตุเหล็ก และสังกะสี
กิจกรรม เสริมพัฒนาการและพัฒนาสมอง
การดูแลด้านโภชนาการ ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมทั้งให้ลูกน้อยได้รับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสมองโดยตรง เป็นการเสริมเสร้างพัฒนาการของลูกน้อยด้วยอาหารบำรุงสมองแล้ว กิจกรรมเสริมพัฒนาการที่เหมาะสมก็สามารถเสริมสร้างและพัฒนาสมองให้กับลูกน้อยได้ เช่น
1. ฝึกให้ลูกรักการอ่าน
คุณพ่อคุณแม่ สามารถฝึกให้ลูกน้อยรักการอ่าน เพื่อพัฒนาสมองและความจำด้วยหนังสือนิทานที่จะช่วยเสริมพัฒนาการให้ลูก และยังช่วยเสริมสร้างการจดจำ ซึ่งนอกจากฟังจากพ่อแม่เล่าแล้ว ยังอาจทำให้ลูกรู้สึกอยากดูรูปภาพและฝึกการอ่านไปด้วย
2. ฝึกให้ลูกมีจิตนาการ
ในช่วงวัยกำลังเรียนรู้ คุณพ่อคุณแม่สามารถพัฒนาสมองของลูกน้อยได้ด้วยกิจกรรมที่เกี่ยวกับการฝึกให้ลูกมีจิตนาการ เช่น เล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน หรือทำกิจกรรมอื่น อย่างเช่นการวาดภาพ ระบายสี หรือการเล่านิทานประกอบภาพ เพื่อเสริมพัฒนาการให้ลูกรู้จักใช้ความคิด และมีจิตนาการที่สร้างสรรค์
3. เสริมพัฒนาการด้านการเรียนรู้
การพัฒนาสมองของลูกน้อยด้วยกิจกรรม ทำได้หลายรูปแบบ คุณพ่อคุณแม่อาจเปิดโอกาสให้ลูกได้พัฒนาศักยภาพทางสังคม โดยการเล่นในสนามเด็กเล่น เพื่อพบกับเพื่อนใหม่ๆในวัยเดียวกัน สำหรับเด็กเล็ก ๆการให้ลูกได้สัมผัสพื้นผิวที่แตกต่างกัน เช่น พื้นผิวนุ่มๆของพื้นหญ้า และพื้นผิวจากวัสดุที่แข็ง เป็นการฝึกและเสริมพัฒนาการด้านการเรียนรู้ให้กับลูก
4. สื่อสารพูดคุยกับลูก
กิจกรรมที่คุณพ่อคุณแม่ช่วยพัฒนาสมองของลูกน้อย ซึ่งทำได้ง่ายที่สุด ได้แก่ การพูดคุยกับลูกบ่อย ๆ ตั้งแต่ช่วง 3 เดือนแรก เช่น ทักทายเมื่อลูกตื่นนอน ทำปากจู๋หรือหาวล้อเลียนลูก มองสบตาพูดคุยเพื่อให้ลูกหัดฟังเสียง เมื่อเด็กคุ้นเคยกับเสียงของพ่อแม่ ก็จะเริ่มอ้อแอ้ โต้ตอบเป็นการพัฒนาด้านการสื่อสารให้กับลูกน้อย
5. เสริมพัฒนาการด้านการแสดงออก
ส่วนหนึ่งในการพัฒนาสมองของลูกน้อยด้วยกิจกรรมต่าง ๆ คุณพ่อคุณแม่ต้องต้องสังเกตพฤติกรรมที่ลูกแสดงออก เช่น เป็นเด็กกล้าพูด กล้าแสดงออก หรือเป็นเด็กขี้อาย เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกได้พูดคุยแสดงความคิดเห็น เป็นการเสริมพัฒนาการให้เด็กเชื่อมั่นใจตนเอง กล้าคิด และแสดงออกอย่างเหมาะสม
การเสริมสร้างพัฒนาการให้กับลูกน้อยในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะพัฒนาการด้านสมองและความจำ นอกจากเรื่องของโภชนาการ ที่ช่วยบำรุงสมองทำให้ลูกน้อยฉลาดยิ่งขึ้นแล้ว กิจกรรมเสริมพัฒนาการที่เหมาะสมก็เป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างและพัฒนาสมองของลูกน้อย